เพิ่งได้ไปดูมา ภาพยนตร์ภาคขยายของ Harry potters ชื่อเรื่อง Fantastic beasts and where to find them. เป็นหนังที่โปรโมทข้ามปี และการันตีความน่าสนใจด้วยการเขียนบทภาพยนตร์โดย JK Rowling เอง
เมื่อได้มาดูก็รู้สึกสดใหม่มาก แม้ฉากหลังจะย้อนยุคไปในยุค 1920 ก็ตามที แต่โลกของพ่อมดแม่มดในยุคนี้ ดูร่วมสมัยกว่าเรื่องแฮรรี่ ซึ่งเป็นช่วยปลายยุค 90 มาก เนื่องด้วยเรื่องราวเกิดในนิวยอร์คมิใช่ในสก็อตแลนด์อันเป็นที่ตั้งของ ร.ร.ฮอกวอทส์
เรื่องราวนี้เริ่มต้นด้วยความงุนงงของเหตุประหลาดพร้อมๆกับการมาของ นิวท์ สคาแมนเดอร์ พ่อมดจากอังกฤษที่มาพร้อมกระเป๋ามหัศจรรย์ ที่ตัวล็อกมีปัญหาทำให้ทันทีที่ขึ้นฝั่งก็มีสัตว์วิเศษลอบหนีจากกระเป๋าและก่อเรื่องวุ่นวายทันที
เนื้อเรื่องโดยละเอียดอยากให้ไปดูกันเองในโรงนะครับ สนุกกว่า
แต่สิ่งที่อยากเล่าคือ เรื่องราวนอกจากปัญหาที่เกิดจากนิวต์นั้น เกิดขึ้นก่อนหนังเริ่มเล็กน้อย อาจทำให้คนดูงุนงงกับความสัมพันธ์ตัวละครได้ แต่ในเรื่องก็มีการเผยความเกี่ยวข้องที่หลายคนคงอยากให้เล่าเรื่องตรงๆ มากกว่านี้ เพราะบางจุดก็อาจเผลอมองข้ามได้ง่าย ไม่ว่าจะสาเหตุที่ทีน่าโดนปลดจากการเป็นออร่า หรือ มือปราบมาร (เฉลยในเนื้อเรื่อง) ที่ไปที่มาของนิวต์ซึ่งในเรื่องมีการวางปมไว้ให้ไปสานต่อในภาคหน้า เพราะสุดท้ายสิ่งที่เรารู้เกี่ยวกับนิวต์คือ เขาคือผู้เชี่ยวชาญเรื่องสัตว์วิเศษทั้งการสื่อสารและเลี้ยงดูมัน แต่กลับไม่รู้ว่าจริงๆแล้ว เขามีเรื่องอะไรจึงโดนไล่ออกจากฮอกวอทส์ แถมเจ้าตัวยังพูดน้อยจนน่าหงุดหงิดซะด้วย เราเลยแทบไม่รู้เรื่องของเขาเลย (ฮา)
การดำเนินเรื่องใช้เวลาพอดีๆ กับเวลาในเรื่องซึ่งใช้เวลาไม่กี่วัน ต่างกับแฮร์รี่ภาคต่างๆ ที่กินเวลาร่วมปีในแต่ละภาค ทำให้สนุกกระชับ แต่คนดูที่ไม่เคยดูแฮรี่สักภาค คงงงว่าเมื่อกี้ทำอะไร ทำไมหายตัวได้ หรืออะไรยังไง และศัพท์แสงมากมายที่งอกขึ้นมาจนเราอยากถามเหมือนเจค็อบว่า "ใครก็ได้อธิบายที"
แต่ก็ยังมองว่า เรื่องนี้กระชับเพราะต้องการให้ดูง่าย เรื่องก็สเกลเล็ก (เอาจริงๆ เรื่องของแฮรี่ภาคแรกๆ สเกลก็เล็ก) อาจไม่มีปรัชญาะไรแฝง ดูแล้วไม่ต้องกลับมาขบคิดอะไรมาก ก็พื้นฐานมันเป็นอะไรที่แม้แต่เด็กก็ดูรู้เรื่องล่ะนะ ประเด็นคืออยากขยายความอลังการในหัว JK มากกว่า
แต่ก็ยังมองว่า เรื่องนี้กระชับเพราะต้องการให้ดูง่าย เรื่องก็สเกลเล็ก (เอาจริงๆ เรื่องของแฮรี่ภาคแรกๆ สเกลก็เล็ก) อาจไม่มีปรัชญาะไรแฝง ดูแล้วไม่ต้องกลับมาขบคิดอะไรมาก ก็พื้นฐานมันเป็นอะไรที่แม้แต่เด็กก็ดูรู้เรื่องล่ะนะ ประเด็นคืออยากขยายความอลังการในหัว JK มากกว่า
ความสนุกอีกอย่างคือ ทุกคนเป็นผู้ใหญ่ จึงไม่มีของพวกตาแก่หัวดื้อที่คอยสะกัดดาวรุ่งพ่อมดวัยรุ่น ไม่มีไอ้พวกเลือดแท้คอยข่มเหงลูกครึ่ง (แต่ยังแอบแบ่งแยก คนธรรมดากับพ่อมดแม่มด) แต่การตามหาและการคลี่คลาย ทำให้Fantastic beast เป็นภาพยนตร์ที่ฉีกกรอบชวนหงุดหงิดของแฮรี่ทั้ง 8 ภาคได้อย่างง่ายดาย แม้จะมีชื่อบุคคลที่สิ้นไปแล้วในแฮรี่ปรากฎก็ไม่ต้องใส่ใจมากก็ได้
แม้ภาคแรกจะจบแบบไม่ค้างคา แบบเผื่อว่าถ้าทำเงินไม่ได้ดีเด่ ก็เทได้เลย เพราะมันครบถ้วนในตัวเองแล้ว แต่ก็ได้ยินว่าwarnerไฟเขียวทำต่ออีก 4 ภาคแล้ว ดูกันยาวๆครับ
และเชื่อว่าคนที่คนดูจะจดจำได้มากที่สุดคงไม่พ้น เจค็อบ คนไร้เวทมนตร์ที่ดูเนียนไปกับสิ่งมหัศจรรย์ที่เขาเพิ่งพบเห็นได้ ในเรื่องก็ย้ำบ่อยๆ ว่า ไม่มีใครเหมือนเขา เขาเปิดรับทุกอย่างได้อย่างเป็นเหตุเป็นผล เปิดใจรับได้ง่ายกว่าพวกองค์กรเวทมนตร์ใจคับแคบเสียอีก
ภาคนี้cgอลังการงานสร้าง ยิ่งห้องในกระเป๋าของนิวต์นี่ ถ้าเป็นcgสมัยแฮรรี่คงดูไม่จืดครับ ผมว่ามันช่วยขยายโลกเวทมนตร์ไปได้ไกลกว่าเดิม อาจเพราะJK หาวิธีเล่าเรื่องแบบใหม่เจอแล้วก็เป็นได้
ก็ต้องรอลุ้นกับภาคต่อไปที่เราคงไม่มีทางเดาเรื่องได้ง่ายๆ แต่เชื่อว่า มันจะต้องดีไม่แพ้ภาคแรกแน่นอน
ถ้าเคยดู Harry Potter เรื่องนี้ 9.5/10 (บางจุดเดินเรื่องเร็ว แอบงงนิดๆ)
ถ้าไม่เคยดู Harry Potter เรื่องนี้ 8.5/10 (เสียคะแนนให้กับความไม่อธิบาย ทำให้ดูไม่รู้เรื่อง)
ดูสนุกไม่หลับ กราฟฟิกอลังการ ดูแล้วฟีลกู้ด แม้จะไม่มีอาหารสมองก็เอาเถอะ เอาเป็นดูเพื่อผ่อนคลายละกัน
จริงๆ ถ้า JK จะออกฉบับตัวหนังสือมาเสริมก็อยากซื้ออ่านนะ บางจุดอาจต้องดูซ้ำหลายรอบ
ถ้าเคยดู Harry Potter เรื่องนี้ 9.5/10 (บางจุดเดินเรื่องเร็ว แอบงงนิดๆ)
ถ้าไม่เคยดู Harry Potter เรื่องนี้ 8.5/10 (เสียคะแนนให้กับความไม่อธิบาย ทำให้ดูไม่รู้เรื่อง)
ดูสนุกไม่หลับ กราฟฟิกอลังการ ดูแล้วฟีลกู้ด แม้จะไม่มีอาหารสมองก็เอาเถอะ เอาเป็นดูเพื่อผ่อนคลายละกัน
จริงๆ ถ้า JK จะออกฉบับตัวหนังสือมาเสริมก็อยากซื้ออ่านนะ บางจุดอาจต้องดูซ้ำหลายรอบ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น