หลังจากงานเชกิในงาน JAPAN EXPO เมื่อเดือนกันยายน 2017 ก็มาถึงอีเวนต์เชกิ (ถ่ายรูปโพลารอยด์) อีกครั้ง โดยครั้งนี้ SWEAT16! ก็มาในฐานะแขกรับเชิญของงาน "เทศกาล รำวง บองโอโดริ" ที่จัดมาตลอดหลายปี โดยงานนี้จัดขึ้นในวันที่ 16 ธันวาคม 2017 โดยประตูเปิดตั้งแต่ 16.00น.
ตอน 4 โมงเย็น ดูเมฆเยอะๆ นึกว่าฝนจะตก แต่ก็ไม่ตก |
ซึ่งบูธของ SWEAT16! นั้นอยู่เป็นบูธแรกๆ ใกล้ทางเข้ามากๆ โดยตั้งแต่เปิดให้เข้าได้ตั้งแต่ 16.00น. เหล่าแฟนคลับที่เข้างานได้ก็รีบเข้าไปต่อคิวซื้อ "บัตรเชกิ" กันตั้งแต่เริ่มงาน โดย Goods ที่ขายในงานมี
- บัตรเชกิถ่ายภาพ Instax 2 shot กับสาวๆ Sweat16! ในชุดยูกาตะ (เลือกเมมเบอร์ได้ 1 คน) + ลายเซนต์ ราคา 300 บาท โดยจำกัดให้ลูกค้า 1 ท่านซื้อได้ครั้งละ 3 ใบ / ใครจะซื้อเพิ่มต้องวนต่อคิวอีกรอบ โดยตอนแรกจำกัดเพียง 300 ใบ (นั่นคือ หากมีลูกค้า 100 คน บัตรก็สามารถหมดได้ตั้งแต่การต่อคิวรอบแรก) และหลังจากขายหมดไปแล้ว (เพราะมีคนมาช้า) ก็มีการเปิดรอบบัตรเสริมอีก 100 ใบ และจำกัดให้คนนึงซื้อได้แค่คนละ 2 ใบเท่านั้น และก็ขายหมดอีกเช่นกัน
- Year Calendar (ปฏิทินปี 2018 ขนาดโปสเตอร์ 1ใบ) + บัตร F.T. (บัตรแตะนิ้ว 1ใบ) ราคา 300 บาท
(สามารถซื้อได้ 2 ชุดต่อรอบ) ซื้อแล้วได้บัตรแตะนิ้วอีก 1 ใบ
- Photoset ชุดมวยไทย ราคา 250 บาท (สามารถซื้อได้ 4 ชุด ต่อรอบ)
ซึ่งเป็นชุดที่เคยเอามาขายในงานโตเกียว คอนเน็คชั่น
- บัตรสอยดาว ราคา 40 บาท/ใบ มีจำนวนจำกัดเพียง 1500 ใบเท่านั้น!! สามารถซื้อได้ 10 ใบต่อรอบ
รางวัลใหญ่สุดพิเศษในกิจกรรมสอยดาวมีดังนี้
+ Standy แบบสุ่มจากน้อง Sweat16! ทั้ง 13 คน
+ Fitbit จำนวน 2 รางวัล
คือ เอาจริงๆ แล้ว งานนี้ SWEAT16! เป็นแขกรับเชิญในฐานะศิลปินของงาน โดย SWEAT16! มีคิวขึ้นแสดงเวลา 17.00น. และมีการต่อคิวร่วมการรำวงบงโอโดริ กับชาวญี่ปุุ่น 2 รอบ ดังนั้นแล้ว การจัดเชกิจึงจะจัดขึ้นแบบหลวมๆ ในช่วงเวลาที่SWEAT16! ไม่ต้องขึ้นแสดงครับ
โดย SWEAT16! ขึ้นแสดง 3 เพลง
- วิ่ง
- Hajimari No Hikari
- Durian Shounen
ได้ยินว่าครั้งนี้ทีมจัดการจะเป็นเจ้าหน้าที่ใหม่ ซึ่งเพิ่งรับเข้ามาจัดการงานนี้ จะสังเกตุว่ามีการจัดการคิวแบบที่ต่างจากครั้งที่ผ่านๆมา คือ มีการแบ่งแถวเป็น
- แถวม่านมุก (https://www.facebook.com/Mahnmook-Sweat16-1705672169741865/)
- แถวมิ้น (https://www.facebook.com/Mint-Sweat16-138188866783330/)
- แถวเมมเบอร์อีก 11 คน
ตอนหลังเปลี่ยนเป็น
- แถวพราวด์ เพราะพราวด์มีกิจ ต้องกลับไปห้องอัดเสียงในคืนนั้น เลยเปิดแถวพิเศษให้คนที่อยากถ่ายเชกิกับพราวได้ถ่ายก่อน (https://www.facebook.com/Proud-Sweat16-120406398606162/)
- แถวมิ้น+ม่านมุก
- แถวเมมเบอร์อีก 11 คน
พอพราวด์กลับ ก็ปรับเป็น
- แถวมิ้น+ม่านมุก
- แถวเมมเบอร์ท่านอื่น 2 แถว
กว่าจะครบทุกท่านก็เวลา 21.20 น. เข้าไปแล้ว (บูธอื่นเก็บของกลับบ้านไปหมดละ)
ดูตอนแรกๆ ก็คิดว่าการตัดสินใจที่ค่อนข้างโอเค เพราะ ม่านมุกและมิ้น น่าจะเป็นเมมเบอร์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในงานแตะนิ้ว (TOKYO CONNECTION) และ งานแตะนิ้ว+ไฮไฟฟ์ ซึ่งสามารถถ่ายรูปเซลฟี่และเชกิได้ในครั้งที่ผ่านมา (เดอะมอลล์ บางกะปิ) ดังนั้นครั้งนี้ก็ ควรถือว่าเป็นการตัดสินใจที่อิงจากสถิติแล้ว (เพราะนับเป็นเชกิครั้งที่ 3)
แต่ไปๆมาๆ ก็เกิดปัญหาขึ้น เพราะกลายเป็นว่า
แฟนคลับที่อยากจะเชกิกับเมมเบอร์ที่ไม่ใช่มิ้นกับม่านมุก
จะต้องต่อคิวกันค่อนข้างยาวเหยียด
แต่ก็ต้องเห็นใจเพราะเชกิหรือการถ่ายรูปโพลารอยด์นั้น ค่อนข้างมีต้นทุน จะให้ซื้อกล้องโพลารอยด์มา 13 ตัวตามจำนวนเมมเบอร์เลยมันก็ดูจะสิ้นเปลืองไป เท่าที่เห็นทีมงานน่าจะมีกล้อง 4 ตัว คือ ผมเห็นมีช่างภาพ 2 คน คือ แถวรวม 1 คน กับแถว มิ้น+ม่านมุก อีก 1 คน และมีสต๊าฟอีก 2 คน คือ มีแต่คนอยู่ในหน้าที่ตัวเอง แต่ไม่มีคนเป็นจราจร ทำให้ตอนเซ็นชื่อค่อนข้างใช้เวลา เพราะบางคนก็อาศัยคุยกับเมมเบอร์ไปด้วย ทำให้คนหลังจากคนที่ไปถ่ายก็รอไปสิ เมื่อไหร่จะถึงตาฉันลำดับการการถ่ายเชกิมีดังนี้
1. ต่อคิวซิื้อบัตร (บัตรไม่ระบุชื่อเมมเบอร์)
2. ต่อคิวในแถวตามที่เขาระบุไว้
3. พอถึงตาตัวเองเข้าไปเลือกท่ากับเมมเบอร์ โดยมีท่าพื้นฐานแบบนี้
4. เพราะเชกิเป็นการโพสท่าของเรากับเมมเบอร์ และให้ตากล้องถ่าย ดังนั้นแล้วไม่มีเวลาคุยกันนานนัก หลังจากถ่ายแล้ว รับกระดาษอัดรูปจากช่างภาพ และให้เมมเบอร์เซ็นหลังจากถ่ายไปซัก 5-6 คน ตอนนี้ก็จะได้คุยกันนิดนึงครับ
5. ใครจะถ่ายอีกรูปก็วนไปต่อคิวใหม่
สิ่งที่อาจจะเป็นปัจจัยช้าคือ
(1) การใช้เวลาของตัวแฟนคลับ เพราะบางคนอาจจะถือบัตรมากกว่า 3 ใบ ดังนั้นถ่ายเสร็จแล้วมีคุยกันนิดนึง แล้วก็กลับมาวนถ่ายใหม่ แถวก็จะดูไม่สั้นลงเสียที
(2) การควบคุมคิวของทีมงาน ซึ่งถ้ามีก็รู้สึกเหมือนยังไม่มี
(3) เมมเบอร์ที่แฟนคลับอยากถ่ายรูป ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ (มีคนให้ข้อมูลว่า หายทีละ2-3คนพร้อมกัน)
(4) เมมเบอร์ต้องเบรกเพื่อขึ้นแสดง 3 ครั้ง และแสดงเสร็จก็ให้เมมเบอร์ได้พักบ้าง(5) ไปช่วยขายของที่บูธสปอนเซอร์ของวง
โดยบูธ POCARI SWEAT จะมี ม่านมุก, เฟรม, พราวด์ และ พาด้า
บูธห้างโตคิวพาราไดซ์ มี มิ้น, เพชร, แอ๊นท์ , นิ้ง, มิวสิค
และบูธฟิตบิต มี แอนนี่, เอ๋ , พิม, ซอนญา
ซึ่งบูธฟิตบิตมีการตอบปัญหากับเมมเบอร์ 4 คน จ่ากบตอบปัญหาของซอนญาได้ เพราะซอนญาถามว่าตัวเอง วิดพื้นวันละกี่ครั้ง (คำตอบคือ 100 ครั้ง)
กลับมาที่งานเชกิ
โดยงานนี้ผมซื้อเพียง 2 ใบ และไปเชกิ กับ ม่านมุก และ มิ้น จึงไม่ได้ไปต่อคิวยาวๆ กับ แฟนๆท่านอื่นๆ ได้แต่นั่งดูเพื่อนๆ รอเชกิไป + ดูผู้คนที่มาร่วมงานไปน่ะครับ แต่ก็คิดว่าแนวทางนี้, การจะเคลียร์คิว 400 คิวให้ได้ด้วยเวลาสั้นๆ ก็ถือว่าทำได้ยาก
เพราะกว่าที่จะผ่านไป 1 คิว กว่าจะที่แฟนคลับ 1 ท่านจะจัดท่าเสร็จนั้นกินเวลา 30 วินาที-2 นาที (บางคนมีพร็อบมาด้วย มันก็นานกว่าหน่อยๆ) แม้แฟนคลับที่มาร่วมเชกิจะไม่มาก (น่าจะประมาณ 80-100คน) แต่จำนวนคิว 200-300 คิว ก็ใช้เวลาไม่น้อยอยู่ด่ี (ตีเวลาแบบไวสุดๆ คนละ 30วิ x 200คิว ก็ 6000วิ หรือ 100 นาทีเข้าไปแล้ว) + ถ้ามีคนยืนคุยกับเมมเบอร์ ก็เพิ่มเวลาเข้าไปอีก ไอ้ข้างหลังก็รอรากงอก... อยากให้ปรับปรุงเรื่องจำนวนบัตรจริงๆ เพราะผมว่าครั้งนี้ยังจัดการไม่ดี มันเลยถือว่าจำนวนมีมากเกินไปแถวรอเชกิ ที่ดูยากว่า ใครต่อแถวไหน |
คือถ้าจำนวนบัตรมันมากไปจนไม่พอดีกับเวลา คงต้องมีแต่ต้องควบคุมเวลา หรือมีมาตรการอะไรที่มาใช้ในครั้งต่อไปนะ เพราะเท่าที่เห็นคือ น้องๆ วงSWEAT16! บางคนก็แทบไม่ได้พักกินข้าวกินอะไรเลย (แบบม่านมุกและมิ้นที่มีแถวของตัวเอง) บางคนก็ไม่ได้นั่งรอนะ เพราะตอนคิวว่างๆ ก็ออกมาทักทายกับแฟนคลับ (ซึ่งบางคนบ่นว่า แบบนี้คนมุงที่ไม่ต้องมีบัตรแตะนิ้วก็ได้คุยเล่นกับเมมเบอร์แล้วนี่หว่า----คนที่เขาซื้อเขาจะคิดยังไง?) จริงๆ ก็เห็นใจอยากให้มีเก้าอี้พับให้น้องได้พักขาที่หลังพื้นที่บ้างนะ คือถึงคิวค่อยลุกมา ไม่ต้องมาบริการแฟนคลับมากแบบนี้ก็ได้
ถ้ามีคิวชัดเจนว่า เวลานี้น้องคนไหนยืนรอให้ถ่ายก็ไปต่อคิวรอกันเป็นรอบๆ สมมติว่า ถ่ายได้พร้อมกัน 2 เมมเบอร์ เมมเบอร์ที่ไม่อยู่ในคิวก็จะได้พักไปก่อน ( แต่ผมเองก็พูดไปตามที่ตัวเองกะไว้ คือส่วนตัวผมไม่มีข้อมูลยอดเชกิรายบุคคลของเมมเบอร์ ก็ไม่รู้ว่าแต่ละคนควรใช้เวลาเท่าไหร่ )
แต่อยากให้มองว่าต่อไปแฟนคลับน่าจะขยายตัวขึ้นได้ไม่ยาก เพราะอย่างน้อยๆ คนร่วมงานบงโอโดริ 10,000 คน* (รวมแฟนคลับ SWEAT16! ในประมาณหลักสิบหลักร้อย) ก็ได้เห็น SWEAT16! บ้างแล้ว (แม้คนจะทยอยตามมาตอนค่ำ ซึ่ง SWEAT16! แสดงไปแล้วก็เถอะ) น่าจะมีคนสนใจหรือเพิ่งเคยมาร่วมเป็นครั้งแรกมากขึ้นอีก รอดูกันในปี 2018 ละกัน ว่าจะปรับปรุงไปในทิศทางใด เพราะเชกิมันไม่เหมือนกับการขายCD เพราะต่อให้ไม่มีแผ่นก็จัดได้ และ ความพึงพอใจของแฟนคลับ อาจจะพอใจกันคนละแบบกับงานแตะนิ้วก็เป็นได้
แต่ถ้าตัดเรื่องการจัดการที่ต้องปรับปรุงแล้ว ส่วนตัวผม ราคา 300 บาท / ต่อการถ่ายรูป 1 ครั้ง ในครั้งนี้ถือว่าโอเคอยู่ คือหากใครซื้อทัน คุณก็ได้ถ่ายรูปกับเมมเบอร์แน่นอน ความฟินความสุขใจผมว่าก็ไม่เลวนะ แม้ส่วนตัวจะเสียดายในส่วนของสภาพแวดล้อมที่ทำให้ภาพมีมืดบ้างสว่างบ้าง + ถ่ายซ่อมยากมากๆ ถ้าภาพไม่เสียจริงๆ ล่ะก็...ดังนั้น หากจะมีครั้งต่อไป แฟนคลับอาจจะต้องคิดและเตรียมพร็อบมาให้เสร็จเลยจะได้ไม่เสียเวลามาก
มาให้คะแนนหน่อย
- ตัวงาน มีค่าเข้างาน 60 บาท ก็ไม่ได้แพงอะไร + เป็นงานที่ดีอยู่แล้ว
SWEAT16! ไปอาศัยบรรยากาศเขาด้วย
- การต่อคิวซื้อของ 5/10
ถือว่าค่อนข้างใช้เวลานานในการซื้อ ในช่วงแรกต่อคิวครั้งเดียวซื้อได้ทุกไอเทมซึ่งทำให้การคิดเงินเสียเวลา, แต่หลังจากผ่านไปได้ 50 คิวก็เริ่มมีการแบ่งให้ขึ้นแถวใหม่ ซื้อเฉพาะรูป, บัตรสอยดาวได้ (สำหรับคนที่ไม่เชกิ) แต่ที่ช้าจริงๆคงเป็นเรื่องระบบคิดเงินซึ่งตอนนี้เป็น Manual คือใช้แคชเชียร์คิดเองสดๆ ไม่ได้ทำเป็นระบบบาร์โค้ด จึงต้องมีการจดสินค้า ทำให้ใช้เวลาในการต่อคิวซื้อของนานจริงจัง ไม่รู้จะปรับเปลี่ยนได้หรือเปล่า?
- ความพึงพอใจในการแสดง 8/10
เนื่องจากแต่งชุดยูคาตะกันหมดก็แปลกตาไปอีกแบบดี แต่ก็เพราะปกติแต่งตัวแบบที่เคลื่อนไหวได้ง่ายๆ พอขยับไม่ค่อยได้ บางคนก็มีการสะดุดรองเท้าตัวเอง เท้าพลิกกันไปบ้าง จริงๆ ก็น่าจะต้องปรับท่ากันเยอะเลยล่ะนะกว่าจะออกมาแบบที่แสดงได้
- ความพึงพอใจในการถ่ายรูปเชกิ 7 / 10
บางคนอาจจะต้องต่อคิวนานไปหน่อย แต่ถ้าได้ถ่ายแล้วก็ฟินดีครับ (ขึ้นอยู่กับบุคคลครับ คนที่เมมเบอร์คุ้นเคยก็จะฟินคนละแบบกับคนที่เพิ่งมาครั้งแรก) อยากให้ปรับกลยุทธ์ใหม่จริงๆ นะ
** (จำนวนที่สำนักข่าวต่างประเทศลงไว้)
ก็รอดูว่าครั้งหน้าจะเป็นยังไงครับ
รีพอร์ตโดย จ่ากบ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น