วันพฤหัสบดีที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555

[พารุรุ] กับ เมจะอิเคะ และงานจับมือ (เทพ) ของพารูรุ


หมายเหตุ entry นี้ยาวมากๆ ขออภัยถ้าทำให้อ่านไม่สะดวกครับ

ไม่ว่านี่จะเป็นการผลักดันชิมาซากิ ฮารุกะ หรือ พารูรุ หรือไม่ก็ตาม (สำหรับคนที่ไม่ชอบพารูรุคงเบื่อ แต่ผมประกาศตัวครับว่าผมใส่ใจเด็กคนนี้ครับ เลยนำเสนอเรื่องของเธอเยอะมาก) แต่ผมคิดว่า มันเป็นตอนพิเศษที่น่าพูดถึงครับ กับ (เมจะเมจะอิเคะเตรุ) ตอนพิเศษ "งานอาสาของยาเบะ ครั้งที่ 13"  ออกอากาศเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2012

めちゃ×2イケてるッ!の企画
矢部オファーしちゃいましたシリーズ
13 Office48・AKS ギンガムチェック劇場盤大握手会(幕張メッセ)、島崎遥香(AKB48)の単独握手会(ディファ有明)(2012年12月1日放送予定)

ซึ่งนี่เป็นรายการที่พาคุณไปรู้จักโลกเบื้องหลังของงานต่างๆ ผ่าน คุณยาเบะ ซึ่งครั้งนี้ คุณยาเบะ ถูกโอกะเลม่อน คู่หูของตัวเอง ยัดเยียดให้ไปทำงานกับ AKB48! โดย อ.อากิโมโตะ ได้ส่งให้เขาไปช่วยเป็น "ฮากาชิ" (คนดึงลูกค้าออกจากที่จับมือ) ในงานจับมือของซิงเกิ้ล Gingham Check ที่โตเกียวบิ๊กไซต์ เมื่อกลางเดือน พ.ย. 2012 ที่ผ่านมา






โดยในงานนี้ เราจะเห็นการทำงานของทีมงานแบบฮากาชิ ที่หลายคนอาจไม่ทราบว่า ช่วงเวลาในการจับมือของกลุ่ม 48 นั้น 1 คูปองจาก CD จะได้จับมือเพียง 10 วินาที เท่านั้น!! นั่นเพราะหากให้นานกว่านั้น คนร่วมแสนคนคงมีบางคนตกหล่นและไม่ได้จับมือกับเด็กที่ตัวเองชอบแน่ครับ ซึ่งคุณยาเบะก็สมเป็นมืออาชีพ ทำงานแบบนี้ได้อย่างเป็นงานมากๆ ซึ่งทำให้เราเห็นการทำงานอย่างเป็นระบบของทีมงาน AKB48

จากซ้าย โทงะซากิ , ยูโกะ , โซคันโตคุ ทากามินะ และ ยาเบะ

มิรุกิ...สุดยอด

พารูรุ สุดเซ็ง


นอกจากนี้ยังมีงานจิปาถะที่ยาเบะโดนยัดเยียดให้ทำอีก อย่างการเจาะฝาน้ำดื่ม เพื่อใส่หลอดให้สาวๆ ดื่มน้ำได้ง่าย เสื้อผ้าไม่เปื้อน , ผ้าเช็ดมือที่ต้องม้วนเอง และยังมีการเฝ้าดูมอนิเตอร์ซึ่งตรงนี้เองที่เราจะได้เห็นฝีมือของ "สึริฉิ" (นักตกปลา) ของมิรุกิ (เด็กคนโปรดของผมอีกคน) และ เมื่อไปเปรียบเทียบกับ "พารูรุ" ที่ดูไม่ค่อยมีชีวิตชีวา น่าหดหู่แล้ว มันต่างกันระดับท้องฟ้ากับก้นเหว ซึงแบบพารูรุนั้นมีแต่คนเรียกว่า "ชิโอไทโย" ส่วน มิรุกิ คือ "คามิไทโย" ซึ่งทำให้ยาเบะเป็นห่วงพอสมควร

คิตากาว่า เค็นจิ พักนี้นายออกสื่อบ่อยไปมั้ย?

อ๊ะ ยุยฮัง กระโปรงเปิดเรอะ?

และเรายังได้ไปเห็นงานของ คิตากาว่า เค็นจิ (คนที่ชื่อของเขากลายเป็น 6th Single ของ NMB48)  ที่คนสงสัยว่าอีตานี่เขาทำอะไร นั่นคือ P Check ซึ่งย่อมาจาก Pantie Check ซึ่งเฮียแกมีหน้าที่เช็คว่าในDVD Concert หรือการแสดงต่างๆ นั้นมีซีนที่บังเอิญถ่ายกางเกงในไว้ได้ เฮียจะตัดฉากนั้น แล้วเอาภาพจากล้องมุมอื่นมาใส่แทน โอ้... ช่างเป็นงานที่ช่างตัดหนัง อย่างผมอยากทำยังไงก็ไม่ทราบ น่าจะแจ่ม

และเมื่อยาเบะกับโอกะเลม่อนกลับไปรายงาน อ.อากิโมโตะ ว่าเขาทึ่งมากในส่วนของยูโกะ แต่ก็กังวลในส่วนของพารูรุ คือ ถ้ามองในแง่ของแฟนๆ แล้ว การที่ต้องมาเจอกับท่าทีชวนหดหู่แบบพารูรุแล้ว มันน่ากลุ้มใจแทนแฟนๆ ซึ่งไม่รู้ว่าเข้าแผนอากิโมโตะหรือไม่อย่างไรก็แล้วแต่ แต่กลายเป็นว่า "งาน" ที่อากิโมโตะอยากให้ยาเบะทำเพิ่มคือ "ทำอะไรสักอย่างให้พารูรุเปลี่ยนจากที่น่าเบื่อ กลายเป็น "ระเบิดระเบ้อ"" ทีเถอะ แบบว่าอะไรก็ได้ คิดแก๊ก หรือ มุกใหม่ให้พารูรุเปลี่ยนไปทีเถอะ




วันต่อมา ยาเบะ จึงไปพบพารูรุตัวเป็นๆ และได้พบว่า ยาเบะนั้นหน้าตาคล้ายกับพ่อพารูรุมาก.. เอ้อ.. ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่าตัวจริงของพารูรุเองก็ไม่รู้จะปรับปรุงตัวยังไงดี เพราะตัวเองไม่ได้เรื่องทั้งร้องเพลง,เต้นและคุยเลย ,

ภาพในอดีตเมื่อ 18 เดือนก่อน ที่ทำให้พารูรุได้ฉายา "พงโคะสึ" (ขยะ / ไม่ได้เรื่อง)

นอกจากไม่ได้เรื่อง 3 อย่างแล้ว ยาเบะยังเสริมว่า "งานจับมือ" ก็ไม่ไหวเหมือนกัน

เพื่อให้พารูรุเปลี่ยนซักนิด ยาเบะจึงคิดท่าประจำตัวให้พารูรุ คือ "พารุรุรรุ้น" ซึ่งแม้พารูรุจะฮาก๊าก แต่ดูเหมือนว่าจะยังไม่ดีพอเพราะมันก็แค่ดูตลกน่ารักเป็นไอดอล ไม่ใช่จุดที่จะฮาแตกล่ะนะ พวกเขาจึงพากันไปพบดาวตลกคนอืนๆ เพื่อหามุกแปลกๆไปเซอร์ไพร์สคนดู




ซึ่งในช่วงนี้เราจึงได้ทราบเบื้องหลังว่า ตอนคอนเสิร์ตโตเกียวโดมที่เรารู้กันว่า TEAM 4 จะถูกยุบนั้น พารูรุที่ปกติไม่แสดงอารมณ์เศร้านั้น ไม่ยอมกลับบ้านหลังจบการแสดงและนั่งร้องไห้อยู่เพียงคนเดียว "เป็นเพราะฉันไม่ดีพอใช่มั้ยคะ?" (ทีม 4 จึงถูกยุบ)


สำหรับที่ไม่สนใจพารูรุมาก่อน อาจจะไม่ทราบว่า พารูรุนั้นเป็น CENTER ของ TEAM 4 เลยนะครับ แม้จะเต้นหรือร้องไม่สมบูรณ์แบบแต่ก็ถูกคาดหวังและมอบภาระให้มานานแล้ว ดังนั้นเวลาที่เธอเป็นCENTER อง Eien Pressure เราจึงไม่ค่อยรู้สึกว่าพารูรุเกร็งหรืออะไรเลย เพราะเธอทำหน้าที่นี้มานานแล้ว และยอมรับด้วยว่าตัวเอง "ไม่ดีพอ" แถมยังถูก "กดดัน" ซึ่งเนื้อหาของ Eien Pressure ก็เหมือนกับเป็นเรื่องของเธอเพียงคนเดียวนั่นเอง ซึ่งผมพอจะรู้ว่าพารูรุเป็นเด็กนิสัยดี แม้จะไม่ตลกเท่าสมาชิกคนอื่นๆ แต่วันนี้เราได้ทราบว่า แท้จริงแล้ว พารูรุคิดเพื่อคนอื่นๆมากกว่าใคร และเมื่ออะไรก็ย้อนกลับไม่ได้ จึงต้องทำงานของตัวเองให้ดีที่สุด




แต่ในระหว่างที่กำลังเศร้าๆ "อาดาโมสเทะ" ดาวตลกก็มาแนะนำท่าประหลาดๆ ของเขาให้พารูรุไปใช้บนเวที ซึ่งเอิ่ม...




และพอได้มุกแล้ว จู่ๆโอกะเลม่อนก็บอกว่า งั้นก็พร้อมสำหรับ Event พรุ่งนี้แล้วสินะ? Event ที่ว่าคือ "งานจับมือ" ที่มีเพียงพารูรุเพียงคนเดียว และตั้งเป้าให้มีคนเข้าร่วม 1000 คน ซึ่งงานนี้ไม่มีการ PR อื่นๆ นอกจากพารูรุและยาเบะต้องไปแจกใบปลิวกันเอง อ้อ แล้วงานนี้ก็เข้าร่วมฟรี แต่ลิมิตแค่ 1000 ท่านเท่านั้น!!


พารูรุดูสนุกกับงานแจกใบปลิวที่ตัวเองไม่เคยทำมาก่อน

คนรุมล้อมกันเพียบ

พารูรุที่ยิ้มแย้มเป็นธรรมชาติ น่ารักจริงๆ

ซึ่งพวกเขาเลือกที่จะไปแจกกันที่ AKB48 COFFEE & SHOP ที่อากิฮาบาระ ถิ่นของ AKB48 นั่นเอง ซึ่งแม้พารูรุจะ PR ตัวเองไม่เก่งเลย แต่เธอคงไม่รู้ว่าจริงๆ มีคนชอบเธอเยอะมาก จนถึงขนาดมีคนมารุมล้อมขอรับใบปลิวทำมือกันวงใหญ่มาก คาดว่าทุกคนคงอยากเห็นพารูรุกันแบบใกล้ๆ แน่ๆ ครับ (เล่นเอาพารูรุที่ไม่เคยคิดว่าจะมีคนมาชอบตัวเองมากมายอะไร ถึงกับยิ้มไม่หุบ) อ้อ ที่ต้องไม่ลืมคือ วันที่แจกใบปลิวกับวันจัดงานเป็นวันเดียวกัน นั่นคือ แจกใบปลิวเสร็จ ก็ต้องไปสแตนบายกันต่อเลยนะ

 

ตอนเย็นที่ DIFFER ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานนั้น พารูรุก็กังวลใจว่าจะมีคนมามั้ย? แต่ก็ตื่นเต้นมากๆ เพราะเธอเริ่มสนุกไปกับงานนี้แล้ว และที่น่าตกใจคือ มีคนมารอเข้างานเพียบเลย



และ "งานจับมือพารูรุ" ก็เริ่มขึ้น... ซึ่งมีแฟนๆ ของพารูรุมาเข้าร่วมกันมากมายจริงๆ ซึ่งหลายคนน่าจะเคยไปงานจับมือรวมของ AKB48 มาก่อน และสนใจว่าจะทำอะไรกัน และ ทยอยมาเรื่อยๆ


แฟนคลับ น่ารักโคตร

น้องหนูตัวน้อยท่าทางจะมากับพี่ชายนะเนี่ย

แทบตาย...

จากตอนแรกที่พารูรุคิดว่า "คงมีแค่ 100 คน" ก็เพิ่มมาเรื่อยๆ จนเกิน 500 และมีตั้งแต่เด็กเล็กยันผู้ใหญ่ มีแฟนผลงานที่ติดตามเธอมา 3 ปีแต่ก็ไม่มีโอกาสได้เจอตัวจริง ก็มาจับมือกับพารูรุและถึงกับร้องไห้ด้วยความดีใจ ซึ่งทำให้สีหน้าของพารูรุเปื้อนยิ้มและดูต่างกับงานจับมือเมื่อ 2 วันก่อนอย่างกับเป็นคนละคน ซึ่งเหตุผลที่พารูรุยิ้มแย้มได้ขนาดนี้ ก็มีคนพูดกันเยอะ ผมเองก็ขอเอาที่ตัวเองคิดออกมาเล่าให้อ่าน นั่นคือ

(1) การที่เป็นอีเวนท์ของเธอคนเดียว และ การที่มีคนทำอะไรให้ตัวเองขนาดนี้ สำหรับพารูรุที่แทบไม่ได้ไปออกรายการวาไรตี้เลยจนเริ่มเข้าปีนี้นี่น่าจะเป็นโอกาสที่มีไม่บ่อย เธอจึงทำเต็มที่

(2) การที่ผุ้ที่ร่วมงานกับเธอคือ ยาเบะ ซึ่งบอกตามตรงนะครับ ยาเบะน่าจะเป็นดาวตลกเพียงไม่กี่คนที่พารูรุเคยร่วมงานด้วย แถมยังเป็นคนนิสัยดี และคิดถึงตัวเธอย่างจริงจัง แถมท้ายด้วยการที่ว่า ยาเบะ คล้ายพ่อของเธอมากๆ พารูรุจึงมีสีหน้ามีความสุขตลอดเวลา สงสัยคิดว่ามาทำงานกับคุณพ่อ.. (น่าสงสารยาเบะ จู่ๆก็มีลูกสาวโตเป็นสาวแล้ว แต่ถ้าลูกสาวน่ารักแบบพารูรุคงไม่มีอะไรดีไปกว่านี้อีกแล้วมั้ง?)
(3) สิ่งที่เธอได้ทำใน 2 วันนี้ ล้วนแต่เป็นสิ่งที่เธอขาดไปทั้งสิ้น เธอจึงรู้สึกสนุกไม่เหมือนงานจับมือที่เวลาค่อนข้างเร่งรัด ตัวเองก็มารอในที่ๆเขาจัดให้ ไม่เห็นแฟนคลับที่มาจับมือ และการที่ต้องยืนรอจับมือเพียงคนเดียวแล้ว สำหรับพารูรุน่าจะเป็นช่วงที่ไม่ชอบใจเลยก็ว่าได้ นั่นสินะ เธออาจจะไม่ชอบการถูกเอาไปเปรียบเทียบก็ได้ ...แต่อย่างน้อยการที่มียาเบะมายืนให้กำลังใจใกล้ๆ น่าจะช่วยได้จริงๆ นั่นแหละ

(3 ข้อนี้ ผมวิเคราะห์เองนะครับ ไม่รู้ว่าจะจริงหรือเปล่า?)

และในที่สุดคนสุดท้ายก็จับมือกับเธอแล้ว และนั่นเป็นคนที่ครบ 1000 คนพอดี! (คิดคร่าวๆ คนละ 10 วิ, 6 คน = 60 วิ ( 1 นาที) , 1 ชั่วโมง มี 60 นาที = 60x6 = 360 คน, 1000 หาร 360 = 2.77 ชม , คร่าวๆ คือใช้เวลาเกิน 2 ชั่วโมงครึ่งในการจับมือครบ 1000 คน!!! พารูรุพยายามได้ดีมาก


งานจับมือทุกครั้งหลังจากนี้เอาให้ยิ้มแย้มแบบนี้นะ พารูรุ

-----------------------------
และแล้วงาน Event ก็มาถึงครึ่งหลัง

พารูรุที่ไม่เก่งเรื่องการพูด ก็จำเป็นต้องมาเป็น MC ของงานตัวเอง ซึ่ง..

ทำได้ดีเกินคาด พูดจาเป็นธรรมชาติ และลื่นไหลมากๆ และเมื่อมีคนปรบมือให้กับความพยายามของเธอ พารูรุก็..

พารูรุ" ดีใจจัง"


พารูรุ "พารุรุนรุ้น!"


ใช่ครับ!!!! พารูรุไม่เอามุกที่ อาดาโมสเท คิดมาใช้ แต่กลับเอาของยาเบะที่แม้แต่ตัวยาเบะยังคิดว่าไม่ได้เรื่องมาใช้!!!!! อะไรจะเป็นเด็กดีขนาดนี้เนี่ย!!!




และพอเธอจะร้องเพลง Eien Pressure เท่านั้นแหละ เหล่าจังเค็นเซ็มบัตสึก็ปรากฎตัวมาเซอร์ไพร์สเธอเป็นการใหญ่ เล่นเอาพารูรุที่ไม่เคยร้องไห้ให้ใครเห็นถึงกับน้ำตาร่วงเผาะ เพราะต้องพยายามทำอะไรทุกอย่างเพียงลำพัง แม้จะมียาเบะช่วยข้างล่าง แต่การยืนลำพังบนเวทีเป็นอะไรที่เธอต้องกดดันอยู่แล้ว และ เมื่อทุกคนมา Eien Pressure ก็เริ่มแสดง



ซึ่งแน่นอนว่า สำหรับคนที่มารอจับมือทั้ง 1000 คน นี่คงเป็น Event เทพ ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้บ่อย ซึ่งตัวอากิโมโตะ ที่แอบดูการพารูรุในวันนี้อยู่ก็รู้สึกพอใจมาก และไม่อยากเชื่อว่า พารูรุจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ (ในทางที่ดี) ซึ่งตรงที่ออกมาพูดคนเดี่ยวเขายังพาลคิดไปว่า "นี่มันระดับเดี่ยวไมโครโฟนเลยนะเนี่ย" ซึ่งตัวเขาเองก็ไม่คิดว่า ยาเบะ จะทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ (ทั้งที่จริงๆ นี่น่าจะเป็นความสามารถที่แท้จริงของพารูรุที่เจ้าตัวก็ไม่เคยรู้มากกว่าด้วยซ้ำ)

และอีเวนต์หลักก็จบไปด้วยดี แต่จริงๆแล้วมันยังไม่จบ!! เมื่อคนๆ นี้ที่ทุกคนลืมไปแล้วปรากฎตัวออกมา

เขาคือ โอกะเลม่อน ไม่สิ ตอนนี้เขาคือ โอกะเละโมโตะ ยาสึชิ โปรดิวเซอร์ของ OKL48 ซึ่งรวมสมาชิกจากผู้ที่แพ้การประลองจังเค็นไป มารวมเป็นยูนิตสุดฮา!!!


OKL48 = OKALEMON 48 !!!!

โอกะเลม่อน..ถือไมโครโฟน แต่ไม่ได้ร้องหรอกนะ แค่ออกมาเต้น


ซึ่งเพลงที่เอามาร้องอย่าง Eien yoru Tsusuku youni ก็ไม่ใช่เพลงที่แต่งโดย อากิโมโตะ ยาสึชิ อีก ซึ่งเพลงนี้จะถูกนำมารวมใน Single Eien Pressure Type-D ด้วยครับ ซึ่งเรียกได้ว่า ออกมาฮาเป็นหลัก และแทบจะขโมยซีนประทับใจของพารูรุไปซะงั้น เหอๆ

My comment
สำหรับผมแล้ว ผมรู้สึกว่า นี่เป็นเทปที่จะทำให้คนรักพารูรุมากขึ้นกว่าที่ไม่เคย ส่วนคนที่รักอยู่แล้ว ก็มีแต่จะรักยิ่งขึ้น แม้หลายคนจะบอกว่า "นี่มันเทปอวยชัดๆ" แต่ทำไงได้ล่ะครับ คนอื่นๆ ไม่ต้องทำแบบนี้ก็เจ๋งในตัวเองอยู่แล้ว แต่พารุรุเป็นเด็กที่มี "ของดี" อยุ่กับตัว แต่ใช้ไม่ค่อยเป็น พอพาไป "ปล่องของดี" ปุ๊บ มันก็เป็นแบบที่เห็น จะว่าไงดีครับ? ไอดอลสายตรง? แม้บรรยากาศของพารูรุจะต่างจากเมมเบอร์ของ AKB48 พอสมควร แต่ดูแล้วรู้สึกอยากเอาใจช่วย คือ แม้ anti จะเยอะ เพราะเธอไม่มีอะไรดี แต่ถ้าได้ดูเทปนี้ anti จะบรรเทาความเกลียดลงได้บ้างก็คงดีนะครับ

----------------------------
สำหรับคนที่อยากดูแบบเต็มๆ แนะนำให้ไปดูกันที่ ---> alive ได้เลยครับ
ส่วนคนที่อยากดูแบบซับ ตอนนี้ยังไม่มีครับ ผมเองก็อยากทำนะ แต่ไม่รู้จะมีคนรอไหวมั้ย? เพราะต้องแปลเองจากญี่ปุ่นนี่ยากนะจะบอกให้ เลยมาพูดถึงแบบคร่าวๆกันไปก่อน กลัวตกสมัยจัง

วันพุธที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

[มายูยุ] 3rd Single ขึ้นอันดับ 1 ในการขายวันแรก!!


และแล้ว ยอดการขายวันแรก (21 พ.ย. 2012) ของ ヒカルものたち (ฮิคารุโมโนทะจิ) ซิงเกิ้ลที่ 3 ของมายูยุ ก็สามารถพุ่งสู่ที่ 1 ได้ตั้งแต่วันแรกของการวางขาย ซึ่งด้วยอานิสงค์ส่วนตัวของมายูยุ ที่ช่วงนี้อาจจะไม่ได้เห็นเธอในนาม AKB48 เท่าไหร่ แต่แฟนเพลงดั้งเดิมของมายูยุ (ไอดอลโอตะ + อนิเมโอตะ) ก็ส่งแรงทรัพย์อุดหนุน ซิงเกิ้ลของเธออย่างอุ่นหนาฝาคั่ง ที่เหลือต้องมารอลุ้นว่าศุกร์นี้ (23 พ.ย.) มายูยุจะเป็นที่ 1 ในการขายสัปดาห์แรกได้หรือไม่? เพราะที่ 2 อย่าง GENERATIONS ซึ่งเป็นลูกหม้อของ THE EXILES ก็น่าจะมีคนช่วยสนับสนุน แถม Momoiro Clover Z ที่ครองที่ 3 ก็ตามมาหายใจรดต้นคอกันอยู่ ต้องรอลุ้นศุกร์นี้ล่ะครับ น่ากลัวจริงๆ แผ่นที่มาขายในสัปดาห์นี้นี่

อนึ่งมีคนเอายอดขายของทั้ง 3 ซิงเกิ้ลมาเทียบกันดูด้วย

จะเห็นว่า ยอดขายของซิงเกิ้ลที่ 3 ก็ยังแพ้ซิงเกิ้ลแรกอยู่ ก็ต้องมาดูกันล่ะครับว่า ยอดขายที่หายไปหลายหมื่นแผ่น จากซิงเกิ้ลที่ 2 จะหายต่อไปในซิงเกิ้ลที่ 3 นี้หรือไม่?

วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

[AKB48] การแสดงที่เธียเตอร์ คือ ?


entry นี้ ผมเขียนตามความเข้าใจของผมนะครับ อาจจะมีเนื้อหาบางส่วนที่ไม่ตรงตามที่แฟนตัวจริงเข้าใจไปบ้างก็ขออภัยไว้ล่วงหน้าเลย ยังไงก็ช่วยคอมเมนต์ให้ความรู้ผมด้วยนะครับ


การแสดงที่เธียเตอร์ (公演) คือ?

สำหรับคนที่ไม่เคยไปดูการแสดงสดๆของ AKB48 อย่างผมแล้ว การดูพวกเธอแสดงผ่านรายการทีวี คงเป็นอะไรที่ผมคุ้นเคยมากกว่า แต่สำหรับเหล่าโอตะแล้ว การแสดงที่เธียเตอร์ หรือ 公演 (โคเอ็น* ต่อจากนี้ผมจะเขียนแค่โคเอ็นนะครับ) นั้น ถือเป็นสิ่งที่พวกเขาทุ่มเทชีวิตจิตใจให้แบบที่ว่า คนละระดับกับที่คนปกติเขาดูกัน
 
ว่ากันว่า ในช่วงปัจจุบันนี้ โอกาสที่จะได้เข้านั่งดูการแสดงใน Akb theater (ตั้งอยู่ที่ชั้น 8 ของห้างสรรพสินค้า Don Xihote สาขา อากิฮาบระ ,โตเกียว) นั้น น้อยสุดๆ เพราะหลังๆ เป็นการลงทะเบียนล่วงหน้า และแจ้งผลแบบสุ่ม ใช่ครับต้องจับฉลากเพื่อเข้าดูกันเลยทีเดียว เนื่องความต้องการล้นหลามเกิน 250 ที่นั่ง และยังต้องจ่ายเงินเข้าชมถึง 3000 เยน (สำหรับผู้ชาย) เพื่อเข้าชมอีก หากเทียบกับการที่เรานั่งดูที่บ้านแล้ว (สำหรับคนต่างชาติ คงเป็นการดาวน์โหลดล่ะนะ) จะเห็นว่าอยู่บ้านสบายใจกว่าเยอะ แต่ก็มีคนบอกว่า ถ้าได้ดูสด อารมณ์มันคนละเรื่องกับการดูผ่านจอทีวีแน่นอน  (แหงล่ะที่มันต้องเป็นอย่างนั้น ไม่ว่าใครก็เข้าใจครับ) เพราะระยะห่างจากที่นั่งคนดูแถวแรกสุดถึงตัวสมาชิกที่ยืนแถวหน้านั้นใกล้มากๆ ไม่ถึงเมตรเลยมั้ง? เรียกว่าใกล้มากๆ อารมณ์การรับชมเรียกว่า คนละมิติกับการดูผ่านจอทีวีแน่นอน
ว่าแต่เพลงที่พวกเธอแสดงทุกครั้ง มันไม่ใช่เพลงที่เราดูทางทีวีเหรอ?
ขอตอบว่า ส่วนมากเพลงที่ใช้แสดงนั้น ประมาณ98%นั้น เป็นเพลงที่ใช้แสดงในโคเอ็นเท่านั้น ถ้าไม่ใช่คนที่ติดตามจริงๆ ไม่มีทางรู้จักเลย โดยการแสดงโคเอ็นนั้นทุกครั้งจะแสดงตาม Set list ซึ่งเป็นสิ่งที่กระทำมาตั้งแต่เริ่มมีAKB กันมา และแน่นอนว่า ไม่ว่าจะ SKE, NMB ,HKT หรือแม้แต่ JKT ก็เป็นระบบเดียวกัน โดย Set List นั้น จะเป็นการเรียงลำดับเพลงจากเพลงที่อากิโมโตะ ยาสึชิ แต่งและกำหนดลำดับขึ้นมา ดังนั้นแล้ว เพลงที่เหล่า กลุ่ม48 ใช้ร่วมกันนั้น ก็มีเพลงมากมายหลายร้อยเพลงเลยทีเดียว!
 
set list คืออะไรนะ?
ทั่วๆไปคือ "ลำดับเพลง" แบบที่เราจัดใน iTunes นั่นแหละ แต่สำหรับ akb แล้ว มันยังหมายถึง ลำดับการแสดงของพวกเธอ โดยเพลงส่วนมากที่ใช้ในโคเอ็นมักจะไม่รวมเพลงซิงเกิ้ลใหม่ๆ เข้าไป เว้นแต่ช่วงอังกอร์ที่จะเปลี่ยนไปตามวันเวลาในช่วงนั้นๆ โดยมากแต่ละ set list จะมีประมาณ 14-16 เพลง + อังกอร์อีกซัก 3-4 เพลง เพื่อให้การแสดงยาว 2 ชั่วโมงนั่นเอง โดย set list ของแต่ละทีมจะมีเพลงต่างกันไป ชนิดที่ว่าแทบจะไม่ซ้ำกันเลย แต่ละเพลงก็จะมีทั้ง Full team, half team,3-4 คน และโซโล่ (คนเดียว) ซึ่งเพลงหลายเพลงในโคเอ็นนั้น บอกตามตรงว่ามีตั้งแต่เพลงที่ธรรมดาๆ ไปจนถึงเพลงดีๆ ปะปนกันไป โดยมาก เพลงในโคเอ็นจะเน้นเนื้อหามากกว่าความติดหู จึงไม่แปลก ถ้าจะดูบางเพลงแล้วไม่เข้าใจว่า ทำไมมันถึงอยู่ใน top 100 ที่แฟนๆลงคะแนนโหวตได้กันนะ เพราะหลายเพลงมันเกี่ยวพันถึงดราม่าในหมู่เมมเบอร์ หรือมีอีเวนท์อะไรบางอย่างที่ทำให้มันมีคุณค่ามากกว่าเพลงซิงเกิ้ลก็เป็นได้
การที่akbมีทีมย่อย 3 ทีม คือ a , k , b นั้นก็หมายถึง แต่ละทีมควรมี set list  เป็นของตัวเอง และเนื่องจากมีมานานหลายปีแล้ว แต่ละทีมจึง set list กันเป็นชุดๆ อย่างทีม Aและ K ที่เคยมีถึง 6 setเลยทีเดียว. แต่ว่าในความเป็นจริง set listล่าสุด ที่ใช้ๆกันก่อนจะประกาศ refomation ครั้งที่ 2 นั้น ใช้กันมาจะ 2 ปีแล้ว ต่อให้โอตะคนนั้นๆ ภักดีแค่ไหน ก็ต้องมีวันเบื่อครับ      ดังนั้นหลังจากประกาศว่าทีมใหม่จะต้อง active ในเดือน พ.ย .2012 แล้ว ทางผู้ใหญ่ จึงมีนโยบายให้แต่ละทีมจัด set list ชั่วคราวของพวกเธอของพวกเธอขึ้นมาใช้เองไปก่อน จนกว่า อ.อากิโมโตะ แกจะแต่งเพลงใหม่เสร็จ ซึ่งมีชื่อสามัญว่า waiting set list ซึ่งกัปตันของแต่ละทีม จะลำดับและคัดเพลงเอง ซึ่งก็น่าจะส่งผลให้คนที่ห่างๆ เธียเตอร์ไปเพราะเบื่อ น่าจะกลับไปอุดหนุนกันอีกครั้ง

ที่นี่คือสนามรบที่แท้จริงของ AKB48 งั้นหรือ?


จะว่าไงดี? AKB48 นั้นปักหลักที่ AKB Theater กันตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง และเริ่มแสดงกันทุกค่ำคืน ตั้งแต่มีคนดูแค่ 7 คน จนวันนี้ บางวันก็ไม่มีการแสดง แถมคนที่จะได้ดู ก็ต้องจับฉลากเอาแล้วนั้น สำหรับพวกเธอแล้ว เธียเตอร์น่าจะไม่ต่างอะไรกับฐานที่มั่น ที่โอตะบางคนถือเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ ต้องไปสักการะกันให้ได้ซักครั้งในชีวิต อะไรทำนองนั้นเลยทีเดียว (เอาเข้าจริง ถ้าได้ไปโตเกียวอีก ผมคงต้องหาทางไปดูให้ได้เหมือนกันล่ะครับ  )

ที่นั่นเอง ก่อนที่จะปรับเปลี่ยนมาเป็น New Team ในปีนี้ , คนที่แสดงที่เธียเตอร์นั้น ก็คือ สมาชิกในแต่ละทีม รวมถึงเหล่าเค็งคิวเซย์ โดยสลับกันแสดงในแต่ละวัน โดยแต่ละทีม จะมีสมาชิก 16 คนขึ้นแสดงกันไปทุกวัน  แต่ไปๆมาๆ เมื่อ AKB48 ดังสุดๆ รายการทีวีเยอะสุดๆ , Media Senbatsu หรือ สมาชิกที่ถูกคัดเลือกให้ไปออกสื่อนั้น ก็มักจะติดการถ่ายทำรายการบ้าง , คนไหนดังเป็นการส่วนตัว อย่าง มาเอดะ อัตสึโกะ,โอชิม่า ยูโกะ , ซาชิฮาร่า ริโนะ , วาตานาเบะ มายุ , อิตาโนะ โทโมมิ , โคจิม่า ฮารุนะ , ชิโนดะ มาริโกะ เหล่านี้ก็แทบไม่ได้ขึ้นแสดงเลย เพราะติดถ่ายรายการทีวี , ถ่ายหนัง , ถ่ายละคร , ถ่ายแบบ ,เป็นพิธีกร และ อะไรอีกมากมาย จึงเกิดระบบ Under ขึ้น ซึ่ง Under ในที่นี้ก็คือเหล่าเค็งคิวเซย์ที่ฝีมือเข้าขั้น เข้ามาเสียบแทนสมาชิกที่ไม่อยู่ หรือ หยุดการแสดงเพราะลาพักบ้างอะไรบ้าง  พอแสดงบ่อยๆ เข้า ก็ได้เลื่อนมาเป็นสมาชิกตัวจริงบ้าง ไปๆมาๆ คนที่แสดงเป็นตัวหลักหรือ เซนเตอร์ และ เอส นั้น มักจะลงเอยแบบเดียวกันหมดคือ "ไม่อยู่แสดงที่เธียเตอร์" ไม่ว่าจะทีมไหนๆ ก็เหมือนกันหมด

แล้วใครแสดง?


คนที่แสดงก็คือ เหล่าสมาชิกที่ไม่ได้ไปออกสื่อกับเขา เรียกว่า เป็นกลุ่มที่ทำมาหากินกันที่เธียเตอร์เป็นหลักเลย ซึ่งโดยมากจะเป็นสมาชิกรุ่นใหญ่ที่เอ่ยชื่อไป หลายคนก็ไม่รู้จัก เพราะไม่เคยได้รับโอกาสไปออกทีวี แม้แต่รายการของ AKB เอง อย่าง AKBINGO หรือ Shukan AKB ก็ยังแทบไม่ได้ไปออก โดยมาก มักจะไม่ได้สังกัดอยู่กับ เอเจนซี่ข้างนอก และสังกัดภายในบริษัท AKS ซึ่งมีงานเฉพาะ AKB48 เท่านั้น (ระบบของวงนี้ผมยังไม่ค่อยเข้าใจถ่องแท้ครับ --- แต่เอาเป็นว่า คนที่อยู่กับเอเจนซี่ดังๆ ใหญ่ๆ ของญี่ปุ่นจะได้รับโอกาสที่ดีกว่าคนที่ไม่ได้สังกัดเอเจนซี่มากๆ /รายได้ที่มาจากเอเจนซี่พวกนี้ก็น่าจะไม่น้อยครับ--- ซึ่งสมาชิกที่ผมเอ่ยถึงไปแล้ว ก็ล้วนแล้วแต่มีงาน "นอกAKB48" แต่เวลาไปออกสื่อก็ยังพ่วงชื่อวงให้คนจำได้อยู่)  สำหรับพวกเธอที่ไม่ได้ไปออกสื่อแล้ว นี่คือ สนามรบที่รักษาไว้ด้วยชีวิต เพราะอย่างน้อยๆ การขึ้นเธียเตอร์พวกเธอเองก็ได้รับค่าจ้าง ได้สร้างฐานของแฟนๆ ในเวลาที่พวกมีเดียไม่อยู่นั่นเอง (พวกนี้ภายหลังจะกลายเป็นพวกที่แอนตี้ มีเดีย เซมบัตสึ ที่น่ารักอย่างเดียว แต่ทักษะการแสดงย่ำแย่ (แบบที่อัจจังในอดีต ก็มีแอนตี้เยอะแยะไปหมด) / เพราะพวกเขาเห็นว่า "เด็กที่เก่งจริงๆ กลับไม่มีใครเห็นคุณค่าเท่าพวกตนนั้น สมควรได้รับโอกาสที่ดีกว่านี้" โอชิเมมของพวกนี้มักเป็นใครที่เราต้องงงว่า "ใครหว่า?" ทั้งสิ้น) และเมื่อขึ้นแสดงทุกวัน แน่นอนว่าถึงจุดหนึ่ง ทักษะการร้อง,การเต้นของพวกเธอก็คงสูงกว่าเหล่ามีเดีย เซมบัตสึ ที่วันๆ เอาแต่ไปออกทีวี อย่างแน่นอน

คน 250 คน VS คนทั้งโลก


คนภายนอกอย่างผม แม้จะทำความรู้จัก AKB48 ผ่านทางอินเตอร์เน็ตแค่ไหน ก็ทำความเข้าใจได้ยากนิดหน่อย ว่าตกลงงานจริงๆของ AKB48 คือที่ไหน? ทีวีที่คนเห็นทั้งญี่ปุ่น (และทั้งโลก เพราะอินเตอร์เน็ต) หรือ เธียเตอร์ที่มีคนเห็นเบื้องต้น 250 คน และอีกหลายพันหลายหมื่นทาง DMM.com สำหรับคนที่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามดูพวกเธอ คงไม่มีความต่าง แต่สำหรับคนที่ดูทางสื่ออย่างเดียวแล้ว การแสดงในเธียเตอร์ดูแล้วคับแคบมืดๆ เพลงที่เล่นก็ไม่เห็น ไม่เคยได้ยินมาก่อน ผมเองพยายามดู LOD (Live on Demand)  ของทุกทีมดูแล้ว พบว่า "บางครั้ง,มันไม่ค่อยบันเทิงเริงใจเท่าไหร่ และให้ดูซ้ำคงยากมากๆ" จะว่าไงดี มันมี gap กว้่างๆ ในแต่ละเพลง ระหว่าง "เพลงดีๆ" กับ "เพลงน่าเบื่อ" อยู่ค่อนข้างกว้าง การที่จะปรับสมองให้รู้สึกว่า "เพลงไหนๆ ก็เพราะ" คงเป็นเรื่องยากสำหรับผมอยู่เหมือนกัน

สรุปนะครับ


การแสดงที่เธียเตอร์ก็คือส่วนหนึ่งของAKB48 (และทุกกลุ่ม 48) ที่เป็น "การแสดงหลัก" ความสามารถทางด้าน "การร้อง / การเต้น / การMC" ของแต่ละสมาชิกจะวัดกันที่นี่ และมีผลใหญ่หลวงกับ "การก้าวหน้าภายในAKB" ส่วนการออกTV เป็น "ความก้าวหน้าในฐานะคนบันเทิงแบบส่วนตัวของเมมเบอร์แต่ละคน" ซึ่งแน่นอนว่า หลายคนก็ไปได้ดิบได้ดีทางTV จนแทบไม่ไปแสดงที่เธียเตอร์  เพราะ รายการTV อยากให้ไปร่วมงานมากๆ (แบบซาชิฮาร่า) และเมื่อรับงานมาแล้ว บางวันก็ไม่มีทางได้ไปร่วมแสดง เพราะเขาจะละเว้นให้เฉพาะคอนเสิร์ตใหญ่เท่านั้น  และบางคนอาจจะไปได้ดิบได้ดีกับสายงานแสดงละคร จนไม่ต้องพึ่งพาชื่อ AKB48 อีกแล้วก็มี

แต่ตราบใดที่ AKB48 ยังคงคอนเซปต์เดิมอยู่ การแสดงที่เธียเตอร์เองก็จะมีต่อไปจนกว่าจะเลิกกันไปข้างหนึ่งล่ะครับ

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม